วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับแต่งตาสวย กลมโต

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



เคล็ดลับแต่งตาสวย กลมโต


เคล็ดลับแต่งตาสวย กลมโต


ตาเล็ก

ไล้อายแชโดว์สีอ่อนให้ทั่วเปลือกตา แล้วใช้อายแชโดว์สีเข้มสร้างมิติให้ดวงตา โดยเริ่มเกลี่ยสีจากหางตาไล่ตามแนวกระบอกตา ให้น้ำหนักสีเข้มบริเวณสุดอยู่ที่ปลายหางตา ไล้ให้สีอ่อนลงเรื่อยๆจนถึงหัวตา
สุดท้ายปัดไฮไลท์ที่หัวตาและโหนกคิ้ว แล้วเพิ่มความคมเข้มด้วยการเขียนอายไลเนอร์เส้นหนาที่ขอบตาบน หรือถ้าอยากตามเทรนด์ญี่ปุ่นจะเขียนขอบตาล่างด้วยก็ได้
นอกจากการดัดขนตาแล้ว มาสคาร่าก็ช่วยสาวหมวยได้เยอะ โดยเฉพาะการปัดขนตาล่าง


ตาตก

สาวๆสามารถแต่งตาได้ตามปกติ แต่เพิ่มน้ำหนักสีช่วงหางตา ด้วยการไล้อายแชโดว์สีเข้มชิดขอบตาบนโดยเกลี่ยสีช่วงหางตาให้ฟุ้งขึ้น จากนั้นกรีดอายไลเนอร์บริเวณหางตาให้เป็นรูปตัววี แค่นี้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว


ตาโปน

ตาลักษณะนี้สามารถแต่งแบบสโมกกี้อายส์ที่ฮิตๆกันได้สบาย เพราะอายแชโดว์สีเข้มจะทำให้ดวงตาดูเล็กลง อาจใช้แปรงขนาดเล็กแตะอายแชโดว์สีเข้มอย่างสีดำ น้ำตาล หรือน้ำเงิน ลงเพิ่มที่ขอบตาล่างโดยไล่จากหางตาเข้ามาถึงกึ่งกลางตา


Tip

สำหรับสาวตาชั้นเดียวหรือชั้นตาหลบ การติดขนตาปลอมจะช่วยให้เห็นชั้นตาชัดและดูตาโตขึ้นได้จนคุณเองยังแปลกใจ


Text yainoon
PhotoGAB
Make – up ทศพล สนั่นวงศ์
Hair Stylist กำไร โอฬารฤทธิ์
Model นิศารัตน์ อภิรดี


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


ลูกพรุน เพื่อนดีๆที่ควรมีไว้(ทาน)ทุกวัน

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



ลูกพรุน เพื่อนดีๆที่ควรมีไว้(ทาน)ทุกวัน


ลูกพรุน เพื่อนดีๆที่ควรมีไว้(ทาน)ทุกวัน



เมื่อเอ่ยถึงลูกพรุนเชื่อเหลือเกินว่าใครหลายๆคนคงทำหน้างง นึกไม่ออกว่าเจ้าลูกพรุนนนี้มีหน้าตาและรสชาติอย่างไร และที่สำคัญมันมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนกับชีวิตคนเมืองอย่างเรา แต่สำหรับคนที่รู้จักถึงขั้นสนิทสนมกับลูกพรุนแล้ว รับรองว่าต้องยกให้เป็นที่หนึ่งในใจตลอดกาลเลยทีเดียว เอาล่ะค่ะเกริ่นเข้าข้างมาซะยาว เรามาทำความรู้จักกับลูกพรุนกันเลยดีกว่า

ลูกพรุนหรือลูกพลัมเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้จักและนิยมนำมารับประทานกันเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือ ลักษณะที่นำมารับประทานมีทั้งรับประทานเป็นผลสด นำมาตากแห้ง ทำเป็นน้ำลูกพรุน และนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร ในปัจจุบันประเทศทางแถบเอเชียให้ความสนใจลูกพรุนมากขึ้นเนื่องจากคุณค่าทางอาหารและประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานลูกพรุน และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่มาจากลูกพรุน

แล้วอะไรอยู่ในลูกพรุนบ้าง ในลูกพรุนจะประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้ เหล็ก(Iron)เป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการสังเคราะห์ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าผู้หญิงเรานั้นในแต่ละเดือนต้องสูญเสียเลือดประจำเดือนไปเท่าไร ธาตุเหล็กจึงมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆที่ขาดไม่ได้ ใครอยากมีเลือดฝาดอย่ามองข้ามลูกพรุน

วิตามิน B2(Riboflavin) ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง กระบวนการสร้างช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะกับผิวหนัง เล็บและผม

แคลเซียม(Calcium) ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน รักษาระดับการเต้นของหัวใจ ช่วยระบบประสาทให้เป็นปกติ

วิตามิน C(Ascorbic Acid) สารต้านอนุมูลอิสระ(Anti-oxidant)เป็นส่วนประกอบพิเศษที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายเมื่อเซลล์ถูกทำลายโอกาสการเป็นมะเร็งก็มีสูงขึ้น วิตามินcมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นการที่ลูกพรุนมี Anti-oxidantในปริมาณสูงจะช่วยทำให้ร่างกายและสมองแก่ตัวช้าลง และมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งน้อยลง มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์เม็ดเลือดแดง ช่วยให้ร่างกายต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น

วิตามิน E เป็น Anti-oxidant ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาของออกซิเจนที่ไม่สมบูรณ์ภายในร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของโลหิต ช่วยยืดอายุของเม็ดเลือดแดงทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่มชุ่มชื่น ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร

และที่จะลืมกล่าวถึงไม่ได้คือ ลูกพรุนนั้นอุดมไปด้วยกากใยหรือไฟเบอร์สูงมาก มีคุณสมบัติเป็นยาระบาย บรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างปลอดภัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นประโยชน์ทำให้ขับถ่ายได้คล่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตปัจจุบันที่ฝากไว้กับอาหารถุง ซึ่งแทบจะไม่มีอะไรที่เป็นกากใยเลย ลูกพรุนเป็นคำตอบที่ไม่น่ามองข้ามนะคะ

ทีนี้อาจมีคำถามตามมาว่า แล้วจะไปหาลูกพรุนทานได้จากที่ไหนดี ไม่ยากเลยค่ะ เพราะในปัจจุบันได้มีการนำลูกพรุนมาแปรรูปให้รับประทานกันได้ง่ายขึ้นเท่าที่เห็นวางขายมีทั้งแบบอบแห้ง แบบผสมในนมเปรี้ยว แบบเชื่อม แบบสกัดเข้มข้น แบบเป็นน้ำผลไม้ หรือจะเป็นส่วนผสมในขนมต่างๆ เช่น เค้กลูกพรุน คุกกี้ลูกพรุน เห็นไหมค่ะว่าหาทานง่ายแค่ไหน

อย่าให้เจ้าลูกพรุนเขาน้อยใจนะคะว่าอุตส่าห์ทำตัวให้หาทานง่ายๆแล้ว เรายังใจร้ายไม่ยอมลิ้มลองเขาอีก เพราะกล้าบอกได้เลยค่ะว่า ใครลองทานลูกพรุนแล้วติดใจกันทุกราย เพราะอะไรหรอคะ แหมอย่างนี้คงต้องย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ต้นใหม่แล้วค่ะ


ฉบับนี้เรามีสูตรน้ำลูกพรุนง่ายๆมาฝากกันอีกเช่นเคย ลองทำดูนะคะ ไม่ยุ่งยากเลย

ส่วนผสม

- ลูกพรุนแห้ง 2 ผล
– น้ำตาลทราย พอสมควร
– เกลือป่น เล็กน้อย
– น้ำสะอาด 2 ลิตร
– น้ำแข็งทุบ พอสมควร

วิธีทำ

1. นำลูกพรุนแห้งและน้ำตั้งไฟปานกลางจนเดือดสักครู่ น้ำจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน
2. ใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่นเล็กน้อย ชิมอย่าให้รสหวานมากเกินไป ถ้าใส่เกลือให้ใช้เพียงเล็กน้อยประมาณ 1 หยิบมือเท่านั้น (เพราะปกติการต้มน้ำผลไม้ตากแห้งมักไม่ใส่เเกลือ)
3. ยกลงจากเตาทิ้งไว้จนเย็น เวลาดื่มขณะอุ่นรสชาติเหมือนน้ำชาจีน



ขอขอบคุณ


นิตยสาร STAR FASHION Vol.184
คอลัมน์ HEALTHY CORNER
By: TAITY
หน้า 158-159


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

ศัลยกรรมสไตล์เกาหลี… ฮิตฮอตมาแรงจริงๆ!!

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



ศัลยกรรมสไตล์เกาหลี… ฮิตฮอตมาแรงจริงๆ!!


ศัลยกรรมสไตล์เกาหลี… ฮิตฮอตมาแรงจริงๆ!!



สวยด้วยมีดหมอ ไม่ได้เป็นกระแสฮอตเฉพาะในหมู่แวดวงคนบันเทิง ดารา นางแบบ นักร้อง หรือนางงาม ที่ต้องหากินอยู่กับความสวยความงามเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ กระแสนิยมการทำศัลยกรรมเสริมความงาม กำลังแพร่ระบาดไปทั่วทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่วัยรุ่นวัยทีน ที่ร่ำร้องอยากสวยใสแบบสาวเกาหลี…ซะเหลือเกิน!!



คำยืนยันจากศัลยแพทย์มือหนึ่งของเมืองไทย นพ.ปรีชา เตียวตรานนท์ หัวหน้าทีมศัลยแพทย์ตกแต่ง แผนกศัลยแพทย์ตกแต่ง โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ฉายให้เห็นแนวโน้มว่า สมัยก่อนการทำศัลยกรรมยังจำกัดอยู่ในกลุ่มแวดวงบันเทิง รวมถึงสาวประเภทสอง แต่ระยะหลังมานี้ ความนิยมในการทำศัลยกรรมเริ่มแพร่กระจายไปในกลุ่มสาวทำงาน มีจำนวนมากที่เก็บเงินเก็บทองมาทำตาสองชั้น, เสริมจมูก และที่น่าแปลกใจคือ ในระยะ 10 ปีมานี้ สาวไทยนิยมทำหน้าอกเพิ่มความอึ๋มกันเยอะขึ้นมาก จาก 0% พุ่งขึ้นเป็น 100% เพียงแต่ยังปกปิดเป็นความลับ เพราะถือเป็นจุดที่น่าอายที่สุด






ไม่เฉพาะแต่สาวทำงานเท่านั้น แม้แต่กลุ่มวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ก็หันมานิยมการทำศัลยกรรม!! คุณหมอปรีชา เล่าว่า ในช่วง 2-3 ปีนี้ มีเด็กวัยรุ่นมาทำศัลยกรรมกับหมอเยอะมาก แต่กลุ่มนี้จะค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาอย่างดี เข้าใจและรู้หมดว่าตัวเองกำลังทำอะไร อย่างบางคนอายุแค่ 15-16 ปี ก็ขอเสริมหน้าอกแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะนิยมเสริมหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นแค่คัพเดียว ไม่ต้องการไซส์มโหฬาร การทำหน้าอกมีอยู่ด้วยกันหลายวิธีและหลายราคา สมัยก่อนเสริมหน้าอก เสียค่าใช้จ่าย 25,000 บาท แต่สมัยนี้ราคาพุ่งขึ้นเป็น 120,000-150,000 บาท ถ้าทำจมูกก็ตกราว 15,000-30,000 บาท จากสมัยก่อน ทำจมูกคิดแค่ 3,000 บาท






นอกจากจะฮิตการเสริมหน้าอกเพิ่มอึ๋มแล้ว คุณหมอยืนยันว่า เทรนด์การทำศัลยกรรมสไตล์เกาหลีก็มาแรงมาก วัยรุ่นไทยสมัยนี้ จะตัดรูปดาราเกาหลีมาให้หมอดูเป็นตัวอย่างว่า อยากได้ตาแบบนี้ จมูกแบบนี้ การทำศัลยกรรมสไตล์เกาหลี จะเน้นความเป็นธรรมชาติ มองด้วยตาเปล่าไม่รู้ว่าทำศัลยกรรม อย่างเช่น การทำตา จะเป็นตาสองชั้นทรงสระอิแบบเอเชีย หรือไม่ก็สองชั้นหางตาเตียวเสี้ยน มากกว่าจะเป็นตาสองชั้นใหญ่เป็นตากบดูลึกโบ๋แบบฝรั่ง ส่วนจมูก ก็นิยมแบบโด่งตรงและคม ไม่โด่งตั้งแบบฝรั่ง หรือเรียวแหลม บางคนยังเหลาคางให้เรียวลงด้วย แต่หมอจะไม่ค่อยแนะนำให้ทำ เพราะการเหลาคางเป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องคุยกันให้เคลียร์ว่าอยากทำจริงๆ









ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หนุ่มไทยจำนวนไม่น้อย ยังมาหาหมอเพื่อทำอวัยวะเพศจากเล็กให้ใหญ่เบิ้มขึ้นด้วย… การผ่าตัดขยายขนาดอวัยวะเพศชาย เสียค่าใช้จ่าย 100,000-200,000 บาท โดยเทคนิคการทำต้องเริ่มจากการยืดอวัยวะเพศชายให้ยาวขึ้นราว 1 นิ้ว จากนั้นใส่วงแหวนเพื่อเพิ่มรอบวงขนาดอวัยวะเพศให้ใหญ่ขึ้น แต่ต้องระวังอย่างมาก ห้ามตัดโดนเส้นประสาทเด็ดขาด เพราะจะทำให้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม








ส่วนการทำศัลยกรรมแปลกๆที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกัน คุณหมอปรีชาก็ได้แสดงฝีมือมาเยอะแล้วไม่ว่าจะเป็น การเสริมก้นให้อวบอิ่ม ทำโดยผ่าร่องก้นตรงกลาง แล้วสอดถุงซิลิโคนเข้าไปในแก้มก้นทั้ง 2 ข้าง สนนราคาอยู่ที่ 150,000 บาท อีกเคสที่น่าสนใจก็คือ การผ่าตัดแปลงเพศเปลี่ยนผู้หญิงเป็นผู้ชาย!! อันนี้นิยมทำในหมู่ทอมญี่ปุ่น เริ่มต้นคุณหมอจะให้คุยกับจิตแพทย์จนแน่ใจว่าอยากเป็นผู้ชายจริงๆ จากนั้นให้ฮอร์โมนเพศชายต่อเนื่องกัน 6 เดือน เพื่อปรับสภาพร่างกายให้พร้อม เมื่อถึงเวลาผ่าตัด หมอจะเริ่มจากการตัดมดลูก, ตัดรังไข่ และปิดช่องคลอด แล้วจึงทำอวัยวะเพศชาย โดยใช้หนังและเส้นประสาทจากแขนคนไข้ หรือหน้าท้อง มาหุ้มซิลิโคนทำเป็นอวัยวะเพศชายและไข่ ผลที่ได้รับก็คือ ยืนปัสสาวะได้, มีอวัยวะเพศเหมือนกับจู๋ของเด็ก และสามารถร่วมเพศได้ แต่ไม่มีความรู้สึกเหมือนชายแท้ การผ่าตัดแบบนี้เสียค่าใช้จ่ายราว 300,000 บาท คนไข้ต้องทานฮอร์โมนเพศชายตลอดชีวิต









อย่างไรก็ดี คุณหมอปรีชากล่าวย้ำว่า การทำศัลยกรรมไม่มีอันตรายอย่างที่คิด ถ้าทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญ และใช้ซิลิโคนแบบเพียวริไฟล์ สำหรับทางการแพทย์จริงๆ พักฟื้นแค่อาทิตย์เดียว ก็กลับไปทำงานได้ ส่วนที่มีข่าวจมูกเน่า หรือนมเน่า ส่วนใหญ่เกิดจากคลินิกเถื่อน ใช้ซิลิโคนผิดประเภท เช่น เอาซิลิโคนรถยนต์มาใส่ให้คนไข้ ถ้าอยากทำศัลยกรรม ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีถึงผลดีผลเสีย เพราะการทำศัลยกรรมคือการผ่าตัด ไม่ใช่การเสริมสวย ยังไงก็มีความเสี่ยงในตัวเอง!!





ที่มาจากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


สวยสั่งได้…ปรับลุคเดิร์นสบายกระเป๋า

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



สวยสั่งได้…ปรับลุคเดิร์นสบายกระเป๋า


หน้าตาเรียบๆสะอาดสะอ้านก็ดูดีอยู่หรอกค่ะ แหมๆๆ!! แต่ปีใหม่ทั้งที อยากให้คุณๆลองปรับลุคเปลี่ยนโฉมดูบ้าง จะได้สวยเลิศมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเก่า ไม่ถึงขนาดต้องลงทุนซื้อเครื่องสำอางใหม่ยกชุด หรือโละเสื้อผ้าเก่าทั้งตู้ อันนี้ไม่สนับสนุนเด็ดขาด เพราะสวนกระแสเศรษฐกิจพอเพียง!! อยากสวยอย่างฉลาดประหยัดงบ ต้องรู้จักหยิบของชิ้นเด่นประจำซีซั่น มาผสมผสานกับข้าวของที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในตู้เสื้อผ้า



ซีซั่นนี้ เมกอัพเทรนด์ที่มาแรงที่สุด ทำให้ดูเด่นเด้งขึ้นทันตา ต้องยกให้ ลิปสติกสีเข้มสด และสีจัดจ้านดูแปลกตา อย่างเช่น แดงสด, ชมพูช็อกกิ้งพิงค์ และโทนสีนีออน อาจจะต้องอาศัยความกล้าสักเล็กน้อย แต่การันตีผลลัพธ์ว่าแจ๋วจริง ขืนแต่งหน้านู้ดๆไปปาร์ตี้ปีใหม่ มีหวังนั่งเหี่ยวคาโต๊ะ ไร้หนุ่มเหลียวแล!!



ที่เกริ่นไว้ว่าแต่งตัวแบบประหยัดงบ ด้วยการใช้แอคเซสซอรี่ชิ้นเก๋เป็นตัวช่วย ก็ใช้ได้กับการอัพลุคให้ดูไฮโซกว่าเก่า โดยใช้แอคเซสซอรี่แบรนด์เนมชิ้นเล็กๆราคาไม่หนักกระเป๋า เป็นตัวบ่งบอกความมีเทสต์ แทนที่จะประโคมทุกอย่างลงบนตัว แต่รวมๆกันแล้วดูไร้รสนิยมพิลึก!!



ถ้าจะเลือกชิ้นเด็ดประจำซีซั่นนี้ แฟชั่นนิสต้าตัวจริงทุ่มโหวตให้ หมวก ไม่ว่าจะเป็นทรงเบเรต์ หรือทรงปีกกว้าง ล้วนแต่ฮอตๆๆทั้งนั้น ส่วนผ้าโพกศีรษะแบบชาวเจ็ตเซ็ต เอาต์ไปได้พักใหญ่แล้ว แต่ถ้าดัดแปลงเป็น ผ้าพันคอ ก็ยังพออินเทรนด์อยู่ในกระแส โดยเฉพาะผ้าพันคอทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสเนื้อบางเบา



จะเป็นลายกราฟฟิกแบบยุคซิกส์ตี้ส์, แนวซาฟารี, ลายเสือ หรือออกสไตล์พื้นเมือง ก็อัพๆๆเรตติ้งได้ถ้วนทั่ว ส่วนกระเป๋าใบเก่งเรคคอมเมนด์เป็น กระเป๋าโอเวอร์ไซส์ ที่แพร่ระบาดไปทั่วฮอลลีวูด และซีซั่นนี้มาหยุดกึกที่ กระเป๋าหนีบใบโต ถูกใจสาวชาวกรุงสมบัติเยอะ!!



ที่มาจากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

เทคนิคการเลือกรองเท้าใหม่

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



เทคนิคการเลือกรองเท้าใหม่


เทคนิคการเลือกรองเท้าใหม่





รองเท้าไม่จำเป็นต้องสวยเพียงอย่างเดียว หากขึ้นอยู่กับว่าใส่แล้วไม่ทำให้ รองเท้ากัด นั่นล่ะค่ะ เพราะเวลาเจออาการนี้สาวๆเช่นคุณคงเสียฟอร์มน่าดู อีกทั้งยังทำให้เสียบุคลิกภาพไม่น่ามองอีกด้วยค่ะ

1. หารองเท้าหนังเป็นอันดับแรก เพราะหนังช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีกว่า

2. เลือกรองเท้าที่แข็งแรง ยืดหยุ่น กระชับรูปเท้า และใส่สบาย

3. ถ้ารองเท้าคู่ใหม่ที่จะซื้อเป็นแบบที่ต้องสวมถุงเท้า ให้เตรียมถุงเท้าแบบที่จะใช้ติดกระเป๋าไปลองด้วย จะได้รู้ว่ารองเท้าที่เลือกพอเหมาะพอดีแค่ไหน

4. อย่าฝืนซื้อรองเท้าที่ใส่ไม่สบายหรือคับ

5. ไปซื้อรองเท้าตอนเย็น เพราะเป็นช่วงเวลาที่เท้าขยายตัวเต็มที่

6. วัดไซด์ใหม่ทุกครั้งที่จะซื้อรองเท้า เพราะเท้าของคนเราจะขยายตัวตามอายุ

7. ขนาดของรองเท้าแต่ละยี่ห้อไม่เท่ากัน ควรรองก่อนซื้อทุกครั้ง

8. ซื้อรองเท้าที่รูปทรงใกล้เคียงกับรูปเท้า มีความกว้างเพียงพอ

9. หลีกเลี่ยงรองเท้าทรงหัวแหลมและส้นสูงเกิน 1 นิ้ว เพราะทั้งสองแบบเป็นรองเท้าที่ทารุณเท้างามๆเป็นที่สุด

10. รองเท้ากีฬา ควรซื้อให้ตรงกับประเภทของกีฬาที่เล่น



สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมจากหนังสือ Nail Collection by Hair&Beauty Studio

มีจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป

ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ Nail Collection by Hair&Beauty Studio


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


เคล็บลับผิวขาวนุ่มชุ่มชื่น

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



เคล็บลับผิวขาวนุ่มชุ่มชื่น


เคล็บลับผิวขาวนุ่มชุ่มชื่น



ถ้าคุณต้องเผชิญกับศัตรูความงามทุกๆ วัน ถึงเวลาแล้วที่เราต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อคืนความขาวเนียนสดใสให้กับผิว ทั้งนี้เคล็ดลับง่ายๆ ก็มีอยู่ว่า


“ควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์สม่ำเสมอ ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการทามอยส์เจอร์บำรุงผิวก็คือ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เช็ดตัวพอหมาดเหลือทิ้งความชุ่มชื้นไว้บนผิวบ้างก่อนทามอยส์เจอร์ เพื่อเก็บรักษาความชุ่มชื่นให้อยู่กับผิวได้นานขึ้น”


หากต้องทำงานในห้องแอร์หรือสัมผัสกับอากาศร้อนอบอ้าวทุกวัน การบำรุงผิวหลังจากอาบน้ำตอนเช้าหรือตอนเย็นอาจไม่เพียงพอ ควรจะขยันบำรุงผิวขึ้นอีกนิด วิธีง่ายๆ คือ แค่พกพามอยส์เจอร์บำรุงผิวที่ซึมซับอย่างรวดเร็วติดกระเป๋าหรือใส่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานไว้ เพื่อเติมความชุ่มชื่นระหว่างวันได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะบริเวณแขน ขา หรือข้อศอก ทุกวันที่ต้องออกไปผจญกับแสงแดดเช่นเดียวกัน คุณควรปกป้องผิวสวยจากรังสียูวีด้วยครีมกันแดดทุกวัน และพยายามหลีกเลี่ยงการออกไปสัมผัสกับแสงแดดแรงกล้าในช่วงระหว่าง 10 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น


หากต้องการคืนความขาวให้กับผิวของคุณ ต้องเลือกครีมบำรุงผิวอย่างเหมาะสม การดื่มน้ำให้พอเพียงวันละประมาณ 8 แก้วต่อวัน เท่ากับเป็นการเติมทั้งความสดชื่นให้กับร่างกายแล้วยังเป็นการช่วยเติมน้ำให้ผิวคงความชุ่มชื่นอีกด้วยค่ะ ถ้าคุณจำไม่ได้ว่าแต่ละวันดื่มน้ำได้วันละ 8 แก้วตามคำแนะนำที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง ลองวางขวดน้ำดื่มและวางแก้วไว้บนโต๊ะทำงาน เพื่อเตือนใจว่าแต่ละวันได้ดื่มน้ำพอเพียงหรือยัง




ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


เคล็ดลับขาสวยสำหรับสาวออฟฟิศ

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



เคล็ดลับขาสวยสำหรับสาวออฟฟิศ


เคล็ดลับขาสวยสำหรับสาวออฟฟิศ













สำหรับสาวออฟฟิศนั้น ส่วนใหญ่จะใช้เวลาทั้งวันนั่งอยู่กับเก้าอี้ วางนิ้วอยู่บนคีย์บอร์ด และสายตาจับจ้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งสาว ๆ รู้หรือไม่คะว่า การนั่งเป็นเวลานาน ๆ โดยที่เราไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบทเลยนั้น คือสาเหตุหลักของการเกิดเส้นเลือดขอด





เพราะการที่เรานั่งเป็นเวลานาน ๆ นั้น ทำให้เส้นเลือดที่ไหลลงมาหล่อเลี้ยงขาไม่สามารถไหลเวียนกลับขึ้นสู่หัวใจได้สะดวก ซึ่งอาการเช่นนี้จะส่งผลให้หลอดเลือดขาโป่งพอง หรือขอดขด จนอาจไปดันเซลล์และอวัยวะส่วนอื่นที่อยู่ใกล้เคียง เหตุนี้จึงทำให้คุณรู้สึกปวดเมื่อยขา และขาบวมขึ้น แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ล่ะ จะทำอย่างไร วันนี้เรามีวิธีการแก้อาการเส้นเลือดขอด สำหรับสาวออฟฟิศมาฝากกันค่ะ





1. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร : น้ำ เป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ สำหรับชีวิตคนเรา ไม่เฉพาะแต่สาวออฟฟิศเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ผู้ที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศนั้น ต้องดื่มน้ำมากก็เพราะว่า ป้องกันให้เลือดในร่างกายไม่เข้มข้นเกินไปจนไหลเวียนไม่สะดวก ทั้งนี้ในปริมาณ 2 ลิตรของน้ำที่ดื่มอาจเป็นน้ำผลไม้ น้ำผักสมุนไพร น้ำนม หรือน้ำซุปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำเปล่าธรรมดา แต่ก็ไม่ควรเป็นเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มดังกล่าวจะยิ่งทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น





2. อย่านั่งนานเกินไป : ควรที่จะลุกเดินไปไหนมาไหน ยืดเส้นยืดสายมาก แต่ไม่ได้บอกว่าให้อู้งานนะคะ ซึ่งการยืดเส้นยืดสายนี้ ก็เหมาะกับคนที่ต้องขับรถเป็นระยะทางไกล ๆ และใช้เวลามาก ๆ ด้วย ควรจะแวะพัก เพื่อเดินยืดแข้งขาบ้างเป็นระยะ หรือไม่เช่นนั้นก็ควรบริหารเท้าด้วยท่าง่ายๆทุกๆชั่วโมง อย่างเช่น หมุนข้อเท้า หุบและยกนิ้วเท้าขึ้นลงไปมา





3. งดเสื้อรัดติ้ว : สาว ๆ อวบอั๋นทั้งหลายที่ชอบใส่เสื้อตัวเล็ก ๆ จนปลิ้นทางนั้นที ทางนี้ที ก็ควรเปลี่ยนการแต่งตัวซะใหม่นะคะ เพราะการใส่เสื้อรัดติ้วนั้น จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก รวมไปถึงการรัดเข็มขัดแน่จนเกินไปด้วยนะคะ





4. นอนตัวตรง : นอนในท่าที่ถูกต้อง ไม่นอนตัวงอคุดคู้ และควรปล่อยให้ขาเหยียดตรง





เอาล่ะคะ ไม่อยากขาเป็นเส้นเลือดขอด ลาย จนใส่กระโปรงสั้นได้แล้วล่ะก็ ควรใส่ใจดูแลสุขภาพของขาคุณเป็นประจำนะคะ…



ที่มาจากหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

เครื่องสำอางค์แบรนด์ต่างชาติ

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



เครื่องสำอางค์แบรนด์ต่างชาติ


คำถาม : ไปต่างประเทศ เจอเครื่องสำอางที่แตกต่างจากบ้านเรามากมาย ควรซื้อหาแบรนด์ไหนกลับมาบ้างคะ?



ญี่ปุ่น
ถ้ามีโอกาสไปต้องซื้อของ Majolica Majorca สินค้าในเครือชิเซโด้ แพคเกจจิ้งน่ารักมาก ยิ่งพวกอายไลเนอร์หรือมาสคาร่าใช้แล้วไม่ผิดหวังค่ะ
สำหรับสาวผิวแทน ลองดูแป้งและรองพื้นยี่ห้อ Canmake สีสวยมาก เข้ากับเทรนด์สาวผิวสีดูสุขภาพดี แถมราคาไม่แพง



เกาหลี
แบรนด์ประจำชาติสุดฮอตฮิตก็ต้อง Etude House ค่ะ เป็นไลน์เครื่องสำอางที่คล้ายๆ กับ Etude บ้านเรา เพียงแต่ว่ามีสินค้าให้เลือกมากกว่า และช็อปน่ารักจนอดใจไม่ไหวจริงๆ



ยุโรปและอเมริกา
ไปทีไรก็ต้องพุ่งไปที่ Sephora Shop สินค้าเรื่องความงามไม่น้อยหน้าที่ไหน รวมเอาแบรนด์เด็ดดังไว้เยอะมาก แนะนำแบรนด์ Sephora ของเขาเอง Urban Decay, Too Faced, Smashbox, Cargo และ Iman



ฝรั่งเศส
ประเทศนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย แนะนำให้ลองเข้าร้านขายยา จะมีสินค้าทำนองนี้ให้เลือกเยอะ อย่าง Bioderma ตัวครีมบำรุงผิวน่าใช้ และ Embryolisse โดดเด่นที่มอยส์เจอร์บำรุงผิว นอกจากนี้ยังมีเจลแต้มสิวของ Exfoliac มีขายตามร้านขายยาเช่นกัน ส่วนสาวๆ ที่อยากให้ผิวแทนสวย ต้องซื้อออยล์ทาแล้วผิวมันเงาของ Nuxe ค่ะ





Inspired by Experts : Make-up Story No.593 (16 OCT 2007)


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


ทิปง่าย ๆ ในการแต่งหน้า

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



ทิปง่าย ๆ ในการแต่งหน้า


เพราะผู้หญิงแต่ละคนจะมีบุคลิทิปง่าย ๆ ในการแต่งหน้ากที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงสไตล์ของใบหน้าและสีผิว ดังนั้นการแต่งหน้าของผู้หญิงในแต่ละสไตล์จึงแตกต่างกันไปด้วย ฉบับนี้เรามีทิปง่าย ๆ ในการแต่งหน้าสำหรับ
ผู้หญิงแต่ละสไตล์มาฝากให้คุณ ๆ ได้สวยในแบบที่เหมาะกับใบหน้า ทีนี้ไม่ว่าคุณเป็นสาวหมวย สาวหน้าคม หรือสาวหน้าตาไทยแท้ ก็สามารถที่จะสร้างสรรค์องค์ประกอบบนใบหน้าให้กลายเป็นจุดเด่นดูสวย
เหมาะกับความเป็นคุณ ด้วยวิธีที่ไม่ยากมาฝากกันค่ะ


สาวขาวหน้าหมวย
ผู้หญิงสไตล์ผิวขาว หน้าออกแนวไชนีส ดูจิ้มลิ้มน่ารัก ผู้หญิงสไตล์นี้ส่วนใหญ่จะเป็นสาวไทยเชื้อสายจีนหรือไม่ก็หน้าตาละม้ายไปทางญี่ปุ่นหรือเกาหลีที่กำลังอินเทรนด์กันสุด ๆ ตอนนี้ ผู้หญิงสไตล์นี้จะมี จุดเด่นที่ผิวขาว เนียนละเอียดลออ ริมฝีปากบางเป็นสีชมพู รูปหน้ากลมหรือเป็นรูปหัวใจ และส่วนใหญ่จะมีตาชั้นเดียว ซึ่งถือเป็น เสน่ห์อย่างหนึ่งของสาวสไตล์นี้กันเลยทีเดียว
การแต่งหน้า ของสาวสไตล์นี้เริ่มกันตั้งแต่
- รองพื้น โดยการเลือกใช้รองพื้น โทนสีเหลือง อย่าใช้สีขาวหรือชมพูนะคะเพราะจะดูหนาทำให้ใบหน้าดูลอย ๆ เหมือนหลอกตา
- การเขียนคิ้วนั้น ให้เลือกใช้สีน้ำตาลแทนสีดำ เพราะการใช้สีดำนั้นจะไม่เข้ากับสีผิวขาว ๆ ของคุณ
- ดวงตานั้น อย่าพยายามสร้างชั้นตาขึ้นมาหลอก ๆ ใช้วิธีสร้างความคมชัดของดวงตาโดยเขียนอายไลเนอร์ให้เป็นเส้นคมบางตามแนวธรรมชาติทั้งขอบตาบนและล่าง ให้เขียนเส้นบนหนากว่าเส้นล่างเล็กน้อย โดยเขียนให้เห็นเส้นที่เขียนเมื่อลืมตา
- หลังจากนั้น เลือกอายแชโดว์สีปานกลาง เช่นสีบรอนซ์ทาตรงเปลือกตา ให้ทั่ว แล้วเลือกสีอ่อนกว่าแตะเพิ่มความสว่างที่กระดูกโหนกคิ้ว เพราะจะทำให้ดวงตาดูเบิ่งกว้างขึ้น
- ปัดมาสคาร่า ทับกันสามชั้นเพื่อเพิ่มความสวยหวานสำหรับดวงตา
- ส่วนแก้มนั้น ควรเติมสีแก้มให้ดูเป็นธรรมชาติด้วยการยิ้มหวาน ๆ หน้ากระจกแล้วเติมสีชมพูบาง ๆ ลงตรงส่วนนูน ที่สุดของหน้าตอนยิ้มแค่นั้นก็พอ
- ส่วนเรียวปากนั้น คุณสามารถแต่งเติมสีสันตามสีที่คุณชอบได้ตามสบายค่ะ





สาวสวยไทยแท้
สำหรับสาว ๆ ที่มีความสวยแบบไทยแท้นั้น ผู้หญิงสไตล์นี้จะเป็นคนที่มีดวงตาได้รูป ผิวสีน้ำผึ้ง ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ดังนั้นจุดเด่นของสาวสไตล์นี้คือความเซ็กซี่ที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ดังนั้น
การแต่งหน้า จึงควรเลือกสีสันคมเข้ม แต่ไม่ควรจะเป็นสีสว่างแจ๋นจนเกินไป แต่ก็มีสาว ๆ บางคนมักมีรอยคล้ำใต้ดวงตา ดังนั้น
- คอนซีลเลอร์จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เลือกสีที่มีโทนเหลือง และใช้สีที่มีโทนอ่อนกว่ารองพื้นหนึ่งเบอร์
- รองพื้นที่ใช้ต้องเป็นสีโทนเหลือง
- แก้มนั้นให้เลือก สีพลัมหรือสีโรสซึ่งเป็นสีอมแดง อย่าใช้สีส้มเพราะจะทำให้หน้าคุณดูหมองลง
- ตานั้นหลีกเลี่ยงการใช้สีน้ำเงิน ฟ้า และม่วง เพราะจะทำให้ดวงตาดูมืดมนไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้น ควรเลือกสีที่เป็นธรรมชาติแทน ได้แก่ สีน้ำตาล สีน้ำตาลอ่อน สีช็อกโกแลต หรือสีทอง เป็นต้น
- ปากควรเลือกสีเข้มแต่มีเนื้อบางใส และควรทาสีชมพูสะท้อนแสงลงบนเรียวปากสาวผิวน้ำผึ้งอย่างคุณ







สาวคมหน้าแขก
ส่วนสาวท่านไหนที่มีสไตล์หน้าแขก มีผิวสองสี ดวงตากลมโตดูมีเสน่ห์ลุ่มลึก จมูกโด่งงามได้รูป ผมหนา สาว ๆ สไตล์นี้ควรแต่งหน้าด้วยการเริ่มตั้งแต่
- คอนซีลเลอร์ ควรเลือกใช้คอนซีลเลอร์ที่มีเนื้อครีมโทนสีเหลืองแต่ปนชมพูนิด ๆ ทาทับด้วยแป้งสีเหลือง ตามความเข้มของสีผิวทั้งเปลือกตาบนและใต้ตา
- รองพื้นก็ควรใช้สีเหลือง อย่าเลือกสีที่ทำให้ดูขาวขึ้น หรือเลือกสีเข้มจนหน้าคุณดูหมองขึ้นไปอีก
- ดวงตานั้นให้เลือกรองพื้น ผิวเปลือกตาด้วยสีโทนอบอุ่น อย่าใช้สีขาว แล้วเขียนเส้นขอบตาให้ชัดเจนเพื่อเสริมความโดดเด่นของดวงตาด้วยสีดำหรือสีเทาดำ แล้วใช้สีน้ำตาลทอง แรเงาบริเวณเบ้าตา
- ปัดมาสคาร่าสีดำ ส่วนแก้มนั้นให้ใช้โทนสีแดงน้ำตาลเพื่อสร้างความแจ่มใสบนพวงแก้มสำหรับสาวผิวสองสี
- และมาถึงขั้นตอนทาริมฝีปาก ควรใช้สีเข้มดูลุ่มลึกเพราะจะช่วยขับให้ผิวสองสีดูสวยสดใส เช่น สีช็อกโกแลต สีน้ำตาลเข้ม เป็นต้น
เพียงแค่นี้ใบหน้าก็จะดูสวยใส เป็นธรรมชาติตามสไตล์ของคุณ และยังเสริมสร้างเสน่ห์ดึงดูดให้แก่คนรอบข้างและเพศตรงข้ามด้วยละค่ะ




ข้อมูลจาก นิตยสาร ขวัญเรือน

ที่มาบทความจาก siamha


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

“ชุดชั้นใน ” ที่เป็นมากกว่าเสื้อผ้า “ข้างใน”

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



“ชุดชั้นใน ” ที่เป็นมากกว่าเสื้อผ้า “ข้างใน”



“ชุดชั้นใน ” ที่เป็นมากกว่าเสื้อผ้า “ข้างใน”



ผลการวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า”ผู้หญิง” 80 เปอร์เซ็นต์ยังใส่เสื้อชั้นในผิดขนาด

การที่ใส่ผิดนี้ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อย อกห่าง นอกจากไม่ได้รูปทรงที่สวยแล้ว ยังทำให้เกิดการเจ็บเต้านม ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดหัว แถมต่อมน้ำเหลืองทำงานผิดปกติ ทำให้ผิวพรรณไม่สดชื่น และอาจะทำให้เกิดเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย

“อู๊ด” อุสรา ยงปิยะกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จึงเปิดตัวเคมเปญมาย รองเจอเรย์ ภายในคอนเซ็ปต์เสน่ห์หญิง ต้องเซ็กซี่จากภายใน
ด้วยการชูประเด็น 3 เอฟ คือ แฟชั่น ฟังชั่น และ ฟิต เพื่อสร้างสีสันให้กับผู้หญิงสนุกกับการแต่งตัว
โดย “แฟชั่น” ของชุดชั้นใน มีถึง 8 แบบ เช่น บราคอวี บราไร้ตะเข็บ บราเก็บทรงและ บราเสริมทรง เพื่อให้เลือกสวมใส่ได้เหมาะกับเสื้อผ้าในแต่ละโอกาส
ส่วน “ฟังชั่น” คือบราในปัจจุบันมีการตัดเย็บที่หลากสไตล์สามารถปรับเปลี่ยนและเลือกใช้ให้เหมาะกับเสื้อผ้าที่สวมใส่
ส่วน “ฟิต” หมายถึงการเลือกบราที่เหมาะสมกับสรีระกับรูปร่าง เน้นการรณรงค์ให้สาวยุคใหม่หันมาใส่ใจดูแลสรีระทรวงอกอย่างถูกวิธี เพื่อหลีกหนีภัยร้ายมะเร็งเต้านม

ด้านจิรพร พิบูลย์สวัสดิ์ ผู้จัดการแผนกวิจัยสรีระและลูกค้าสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์วาโก้ กล่าวว่า เนื่องจากผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีระทุก 4 เดือน ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย และเสื้อชั้นในแต่ละยี่ห้อ แต่ละแบบจะมีการตัดเย็บ และขนาดที่ไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ดังนั้นเพื่อการใส่เสื้อชั้นในให้สวยงาม และเพื่อสุขภาพของทรวงอก จึงต้องวัดหน้าอกในการเลือกซื้อเสื้อชั้นในทุกครั้ง

“การวัดขนาดหน้าอกที่ถูกต้องและดีที่สุด ควรวัดในขณะที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้า เพราะจะได้ขนาดหน้าอกที่แท้จริง และควรวัดทุกๆ ครั้งที่มาซื้อชุดชั้นใน โดยการวัดให้นำสายวัดจะวัด 2 ครั้ง ครั้งแรกวัดโดยใช้สายวัดผาดผ่านหัวนมทั้ง 2 ข้างไล่ไปจนถึงด้านหลัง ครั้งที่ 2 ให้วัดใต้ฐานหน้าอกเพื่อวัดขนาดของรอบตัว ซึ่งถ้าไม่สะดวกก่อนจะมาซื้อชุดชั้นในให้วัดมาก่อนที่บ้านก็ได้” ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

การเลือกเสื้อชั้นในเป็นสิ่งสำคัญในการพยุงหน้าอกไม่ให้หย่อนยานหรือแบนราบผายออก บางคนตัวเล็กอกใหญ่ บางคนตัวใหญ่หน้าอกเล็ก โดยคนหน้าอกเล็กก็ไม่ควรใส่ชั้นในนอน เพราะจะดึงหน้าอกแบนขึ้นไปอีก แต่ถ้าคนหน้าอกใหญ่ใส่เสื้อชั้นในนอนได้ จะช่วยเก็บทรงได้ดี แต่ควรจะสวมใส่อย่างสบายตัว ไม่รัดเกินไป

การวัดขนาดรอบอกบน ตัวเลขรอบใต้อกจะบอกขนาด
9-11 ซม. = คัพเอ
11.5- 13.5 ซม. = คัพบี
19-21 ซม. = คัพอี


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


ชุดดำ เรียบหรู แต่ดูดี!!!

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



ชุดดำ เรียบหรู แต่ดูดี!!!


แฟชั่นเสื้อผ้า ที่เรียกได้ว่าจะยุคไหน เทรนด์ไหน ก็ไม่มีหลุด ต้องยกให้ สีพื้นๆ อย่างสีดำ หรือสีขาว ไปเลย เพราะไม่ว่าจะมากระแสไหน ขอแค่มีสีพื้นนี้ ไว้สแตนด์บายด์ก่อนล่ะก็หายห่วง

วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับ ดีๆ ง่ายๆ มาฝาก สำหรับการแต่งชุดดำ ให้ชุดคุณเก๋ มีสไตล์ยิ่งขึ้น


- เพิ่มAccessory ด้วยเครื่องประดับ สีมิลเลเนี่ยม เงิน ทอง ได้หลากหลาย ทั้งเข็มขัด รองเท้า หรือกระเป๋า ก็จะช่วยรับกับชุดเก๋ สีพื้นๆ ได้เป็นอย่างดี

- เพิ่มลูกเล่นให้ชุด ด้วยการใช้ Accessory ชิ้นเล็กๆ แต่ดูหรูหรา จะช่วยให้ การแต่งตัวดูเรียบ แต่แอบหรูได้ เช่นการใช้สร้อยจี้เพชรชิ้นเล็กๆ แต่มีดีไซด์ หรือการใช้ตุ้มหูประดับเพชร หรือมุก ที่แบบดูหรูนิดนึงก็จะช่วยให้เราดูมีคลาสขึ้นเยอะเลยค่ะ


- เพิ่มชิ้นเสื้อผ้าเข้ามาเติม ถ้าเราใส่ชุดเดรสสีดำทั้งชุด เราอาจเพิ่มลูกเล่นด้วย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ หรือเสื้อคลุมแบบเก๋ๆ แต่ต้องไม่ใช่สีพื้นๆ อย่างดำ หรือขาว ที่จะทำให้กลืนไปกับเดรสตัวใน สีที่แนะนำ คือ เหลือง แดง ส้ม หรือ ช็อกกิ้งพิ้งค์ จะช่วยเพิ่มสีสรรให้คุณได้


- สุดท้ายแนะนำให้ มาดูที่ผม คุณอาจจะใช้วิธีการแต่งทรงผมที่ดูมีดีไซด์เก๋ๆ หน่อย เพื่อเพิ่มดีไซด์ในตัวคุณ หรืออาจใช้เครื่องประดับ ที่รับกับใบหน้า และทำให้ดูโด่นเด่นมากขึ้น อาจเป็นมงกุฎเล็กๆ ในกรณีที่ไปงานสังคม หรือที่คาดผมสีสวยๆ หรือแต่งด้วยลูกไม้ หรือประดับเลื่อม ให้ดูมีมิติเพิ่มมากขึ้น ก็เก๋ไปอีกแบบ

photo by : lekaza

text by : kewrite


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


“ต่อผม” สวยจริง หรือ ยุ่งยาก ?

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



“ต่อผม” สวยจริง หรือ ยุ่งยาก ?


“ต่อผม” สวยจริง หรือ ยุ่งยาก ?


ผู้หญิง… ก็ย่อมต้องอยากสวย ให้สวยง่ายๆ ก็แค่เปลี่ยนทรงเท่านั้นเอง ผมยาวก็ตัดให้สั้น แค่นี้ก็เปลี่ยนลุคแล้ว แต่ผมสั้นจะอยากให้ยาวแบบฉบับประหยัดเวลา ก็แค่ไปต่อผมเท่านั้นเอง !

ฮอตฮิตกันสุดๆ กับการต่อผม ไปร้านทำผมร้านไหนๆ ก็มีผมปลอม – ผมจริงให้ต่อกันเป็นแถวๆ ขนาดร้านข้างทางก็ยังมีให้เห็นบ่อยไป หลายต่อหลายรายที่ต่อผมไปแล้วเวิร์คก็มี ดับก็มาก ! ข้อดีก็มีนะ แต่ปัญหาก็สารพัน สาวไหนที่กำลังตัดสินใจไม่ได้ ยังกล้าๆ – กลัวๆ ลองมาดูข้อดี – ข้อเสียที่เรายกมาให้ดูเพื่อประกอบการตัดสินใจจ้า…

ข้อดี
+ เปลี่ยนรูปหน้าได้ทันตาและทันใจ
+ ไม่ต้องเสียเวลารอเลี้ยงผมให้ยาว
+ เมื่อเบื่อทรงนี้ก็สามารถเปลี่ยนทรงด้วยการตัด หรือต่อผมใหม่ได้

ข้อเสีย
– ดูแลยาก สระผมลำบาก เพราะต้องคอยระวังช่อผมจะหลุดร่วงออกมา
- ควรดูแลให้ผมแห้งสะอาดตลอดเวลา
– เกิดกลิ่นอับได้ง่ายๆ ยิ่งในช่วงหน้าฝนและอากาศร้อนๆ อย่างนี้ไม่อยากจะเซด
- อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคผิวหนังบนศีรษะได้ง่ายๆ ทั้งผมร่วง เชื้อราบนหนังศีรษะ ฯลฯ
- เคยมีกรณีตัวอย่างหลายราย ที่ไปทำมาแล้ว เกิดอาการแพ้ ผมมีกลิ่นแรง เจ็บหนังศีรษะ ทั้งนี้เนื่องจากกรรมวิธีที่ไม่ถูกต้องในการต่อผม และกาวที่ใช้ต่อผมมีคุณภาพไม่ดีพอ

คุณรู้หรือไม่ :
1. เส้นผมจำนวนมากที่เราใช้สำหรับต่อผมมีแหล่งที่มา มาจากทั้งเวียดนาม ประเทศจีน และอินเดีย
2. สาวอินเดียจะตัดผมตัวเองเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา คล้ายๆ กับว่าเป็นวิธีการสังเวยอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการต่ออายุให้กับพวกเธอได้
3. พ่อค้าหัวหมอในอินเดียจึงนำเส้นผมเหล่านี้มาขายต่อให้กับผู้ซื้อในยุโรปในราคา กรัมละ 15 รูปี (ทั้งนี้เป็นเส้นผมที่ทำความสะอาด แยกประเภทสีผมและขนาดของเส้นผมแล้วนะ แต่รู้ไหมว่า ในยุโรปจะชาร์จ ลูกค้าผู้มาต่อผม ถึง 200 – 600 ปอนด์ยูโร
4. น้ำหนักของเส้นผมมีส่วนสำคัญต่อการแบกรับน้ำหนักบนหนังศีรษะ คุณอาจปวดศีรษะ ปวดคอ เป็นโรคกระดูกสันหลังได้
5. กาวที่ใช้สำหรับการต่อผมจะต้องเป็นกาวที่ใช้เพื่อการต่อผมโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำลายเส้นผมและหนังศีรษะของคุณได้


photo : Lekaza



ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

3 Best Look at Night

ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่



3 Best Look at Night


Miracle Beam




* เริ่มแต่งหน้าด้วย ทาอายแชโดว์สีน้ำตาลทองที่หัวตา จากนั้นไล้อายแชโดว์สีม่วงจากหางตาไปประมาณ 2/3 ของขอบตาบนและล่าง พยายามเกลี่ยรอยต่อของอายแชโดว์ 2 สีให้แนบเนียนที่สุด
* ดัดขนตาและปัดมาสคาร่าตามปกติ แล้วเพิ่มความหรูด้วยขนตาปลอม
* มิกซ์ลิปสติกสีชมพูอมส้มและแดงอ่อน ให้ริมฝีปากสีเก๋ไม่เหมือนใคร

Hi - light:
สาวไหนขนตาไม่งอนเด้งไม่ต้องกลัว ให้นำขนตาปลอมมาตัดเป็นช่อเล็กๆ แล้วติดทีละช่อโดยเว้นระยะห่างให้เท่ากัน อย่าลืมเช็ดกาวที่เลอะเทอะออกให้หมดด้วย




Secret Midnight

* ไล้อายแชโดว์สีน้ำตาลให้ทั่วเปลือกตาและขอบตาล่าง แล้วเพิ่มความสว่างสดใสให้ดวงตาด้วยอายแชโดว์ครีมสีทองบริเวณหัวตาเกลี่ยไล่ไปเล็กน้อยทั้งตาบนและล่าง
* จัดแต่งรูปคิ้วให้สวยงามด้วยมาสคาร่าสีน้ำตาล
* แต่งหน้าด้วยการใช้บลัชออนเกลี่ยเบาๆที่ใต้โหนกแก้ม ก่อนเติมลิปสติกสีอ่อนให้ริมฝีปากชุ่มชื่นเป็นธรรมชาติ

Hi – light:
เขียนขอบตาบนและล่างด้วยดินสอสีน้ำตาลโดยไม่ต้องชิดขอบตามาก แล้วตามด้วยดินสอสีดำเขียนให้ชิดขอบตามากที่สุด ช่วยเน้นดวงตาให้ดูคมเข้ม แต่ไม่ดุเกินไป




Berry Temptation

* ใช้พัฟเกลี่ยเนื้อรองพื้นให้ดูบางเบาที่สุด ก่อนใช้นิ้วแตะคอนซีลเลอร์กดเบาๆบริเวณใต้ตา
* แต่งหน้ากับการเน้นที่ ดวงตาจะดูสว่างใสปิ๊งยามค่ำคืน เพียงไล้บริเวณขอบตาบนและล่างด้วยอายแชโดว์ที่มีประกายสีม่วงอ่อน
* อินเทรนด์สุดๆต้องลิปสติกเฉดสีแดง ที่ทำให้สาวๆดูเซ็กซี่แบบพอดีๆ

Hi – light:
หลังทาลิปสติกสีแดงแล้วให้เม้มริมฝีปากลงบนกระดาษทิชชู จากนั้นใช้แปรงแตะอายแชโดว์สีแดงผสมกับแป้งฝุ่นปัดบนริมฝีปากเบาๆ จะได้ริมฝีปากสีแดงระเรื่อที่ติดทนนาน

Column: Beauty U Can Touch No.585 (16 June 2007)


ที่มา mThai


ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่


Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...